วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

งานวิจัยเกี่ยวกับคณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย

งานวิจัยเรื่อง การใช้กิจกรรมการละเล่นแบบไทยเพื่อพัฒนามโนทัศน์ด้านคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัย

ชื่องานวิจัย  การใช้กิจกรรมการละเล่นแบบไทยเพื่อพัฒนามโนทัศน์ด้านคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัย = Using thai folk plays to develop mathematics concepts of Preschool Children
ผู้วิจัย ทัดดาว ดวงเงา

บทที่ 1 บทนำ

   ในปัจจุบันคณิตศาสตร์มีความสำคัญกับการดำเนินชีวิตเราเราเป็นอย่างมากทั้งวัยเด็กและวัยผู้ใหญ่ ที่ต้องนำความรู้ ความเข้าใจและทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์นำมาแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน ควรจัดกิจกรรมตั้งแต่วัยเด็ก ควบคู่ไปกับการพัฒนามโนทัศน์พื้นฐานคณิตศาสตร์ที่จะทำให้เด็กได้ลงมือกระทำปฏิบัติจริง ครูเป็นผู้สร้างสรรค์กิจกรรมใหม่ๆที่มีประโยชน์กับเด็ก ซึ่งผู้วิจัยเป็นผู้สอนในระดับปฐมวัยมีประสบการณ์ในการจัดกิจกรรมการละเล่นแบบต่างๆ ที่จำนำแนวคิดและหลักการพื้นฐานในการอนแบบสร้างสรรค์นิยม(Constructivism)และวิธีการสอนแบบเล่นปนเรียนของ Froebel ที่มาสอดคล้องกับวิจัยเรื่องนี้ซึ่งมีวิชาคณิตศษสตร์เข้ามาเกี่ยวข้องเพื่อให้เด็กนำความรู็เกี่ยวกับคณิตศาสตร์ที่ใช้กิจกรรมการละเล่นแบบไทยมาเป็นตัวช่วย และสามารถให้เด็กนำความคิดรววบยอดไปใช้ในอนาคต
วัตถุประสงค์
เพื่อศึกษาผลการใช้กิจกรรมการละเล่นแบบไทยเพื่อพัฒนามโนทัศน์ด้านคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัย
ขอบเขตของการวิจัย
1.ด้านกลุ่มตัวอย่างเด็กปฐมวัยอายุ 5-6 ปี จำนวน 24 คน โรงเรียนอนุบาลสวนน้อย จังหวัดเชียงใหม่
2.ด้านเนื้อหา เป็นการวิจัยเชิงทดลอง ขอบเขตเนื้อหาดังนี้
   2.1 การละเล่นแบบไทยโดยคัดเลือกการละเล่นแบบไทยที่มีลักษณะการละเล่นเกี่ยวกับการนับและจำนวนที่สามารถเล่นได้ทั้งชายและหญิงจำนวน 10 กิจกรรม
   2.2 มโนทัศน์ด้านคณิตศาสตร์ตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยพุทธศักราช 2546 จำนวน 10 กิจกรรม
ตัวแปรที่จะศึกษา
   ตัวแปรอิสระ ได้แก่ กิจกรรมการละเล่นแบบไทย
   ตัวแปรตาม  ได้แก่ มโนทัศน์ด้านคณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
สมมุติฐานในการวิจัย
    กิจกรรมการละเล่นแบบไทยช่วยพัฒนามโนทัศน์ด้านคณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมัวยให้สูงขึ้น
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
    1.ได้ความรู้เกี่ยวกับคณิตศาสตร์โดยใช้กิจกรรมการละเล่นแบบไทย
    2.ผลการศึกษาเป็นแนวทางแก่ครู บุคลากรที่เกี่ยวข้องกับเด็กปฐมวัย

บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
   ในการศึกษาการใช้กิจกรรมการละเล่นแบบไทยเพื่อพัฒนามโนทัศน์ด้านคณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย ผู้วิจัยได้ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เสนอไว้ตามลำดับดังนี้
1.พัฒนาการของเด็กปฐมวัย
2.การละเล่นแบบไทย
3.คณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัย
4.มโนทัศน์
5.งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
พอสรุปสังเขปได้ดังนี้
   เป็นการรวบรวมวิธีการเล่นและวิเคราะห์คุณค่าของการละเล่นแบบไทยแต่ละประเภทเพื่อช่วยฝึกทักาะด้านต่างๆให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ในการศึกษาเช่น การส่งเสริมด้านร่างกาย ด้านอารมณ์และจิตใจ ด้านสังคม ด้านสติปัญญาและเป็นการสอนในรูปแบบการเล่นปนเรียนที่เหมาะสมกับเด็กเพือฝึกทักษะด้านภาษา ด้านคณิตศาสตร์และส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม เช่นความสามัคคี ความซื่อสัตย์ ความรับผิดชอบ ความอดทน ความมีระเบียบวินัยและการปลุกฝังการอนุรัษ์วัฒนธรรมไทยให้กับเด็กอีกด้วย อีกทั้งการละเล่นแบบไทยยังเป็นกิจกรรมหนึ่งที่สามารถพัฒนาทักษะพื้นฐานด้านคณิตศาสตร์ได้เป็นอย่างดี จะเห็นได้ว่ามีวิธีการเรียนรู้ที่นำมาใช้เพื่อพัฒนาทักษะด้านคณิตศาสตร์ได้ในกิจกรรมการเรียนการสอนรูปแบบต่างๆเช่น จำนวน การจำแนก รูปร่าง ขนาด สีและกลุ่ม เป้าหมายซึ่งเป็นนักเรียน และได้นำแนวคิดและหลักการพื้นฐานในการสอนแบบสร้างสรรค์นิยม (Constructivism) และวิธีการสอนแบบเล่นปนเรียนของFrobel มาเป็นกรอบแนนคิดในการศึกษาถึงผลการใช้กิจกรรมการละเล่นแบบไทยเพื่อพัฒนามโนทัศน์ด้านคณิตศาสตร์เพื่อให้เด็กสามารถนำทักษะและมโนทัศน์ด้านคณิตศาสตร์เหล่านี้ไปใช้ประโยชน์ในการดำเนินชีวิตทั้งในปัจจุบันและอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยผ่านการเล่นและในขณะเดียวกันเด็กจะเกิดการเรียนรู้ไปพร้อมกัน ซึ่งจะส่งผลให้เด็กได้ลงมือปฏิบัติจริง เด็กได้สร้างความเข้าใจในสิ่งที่เรียนรู้ด้วยตนเอง เด็กได้มีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น ซึ่งมีความสำคัญต่อการเรียนรู้รวมทั้งการจัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ด้วยกระบวนการเรียนรู้จากการเล่นปนเรียน

บทที่ 3 วิธีดำเนินการวิจัย
   การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงทดลอง (Experimental Research) แบบกลุ่มเดียวมดลองก่อนและหลังการทดลอง (One-Group Pretest-Posttest Design) เพื่อศึกษาผลการใช้กิจกรรมการละเล่นแบบไทยเพื่อพัฒนามโนทัศน์ด้านคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัย โดยมีวิธีดำเนินการดังนี้
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย
       กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนอนุบาลปีที่3 จำนวน24คน
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
 ได้แก่1.แผนการจัดกิจกรรมการละเล่นแบบไทยจำนวน 10 แผน 
          2.แบบทดสอบมโนทัศน์ด้านคณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัยมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.85 ตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย กระทรวงศึกษาธิการ พุทธศักราช 2546 
          3.แบบสังเกตพฤติกรรมในระหว่างการร่วมกิจกรรมการละเล่นแบไทยเกี่ยวกับการเรียนรู้และพัฒนาการทางด้านมโนทัศน์พื้นฐานทางคณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย ชนิดไม่มีโครงสร้าง
การรวบรวมข้อมูล
   ผู้วิจัยได้ขอความอนุเคราะห์และความร่วมมือทดลองเครื่องมือจากนั้นดำเนินการเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจงจำนวน 24 คน ให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนทำกิจกรรม 1 ครั้ง และดำเนินการจัดกิจกรรมการละเล่นแบบไทยและให้นักเรียนทำแบบทดสอบมโนทัศน์ด้านคณิตศาสตร์หลังจากทำกิจกรรมครบ 24 สัปดาห์ หลังจากนั้นนำข้อมูลที่ได้จากการทดสอบก่อนและหลังการทดลองไปวิเคราะห์ใช้วิธีการทางสิถิติ สุดท้ายก็นำข้อมูลจากการบันทึกพฤติกรรมในระหว่างร่วมกิจกรรมการละเล่นแบบไทยที่เกี่ยวกับการเรียนรู้และพัฒนาการทางด้านมโนทัศน์พื้นฐานทางคณิตศาสตร์ไปประกอบกับข้อมูลผลการวิเคราะห์จากแบบทดสอบมโนทัศน์ด้านคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัย
การวิเคราะห์ข้อมูล
    นำข้อมูลโดยหาค่าเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานด้วนตนเองและเปรียบเทียบกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์และนำข้อมูลโดยใช้ตารางประกอบคำบรรยาย
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล
   1.ข้อมูลทั่วไปของนักเรียน
   2.การเปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนเฉลี่ยนของมโนทัศน์ด้านคณิตศาสตร์
   3.ผลคะแนนที่เพิ่มขึ้นหลังจากใช้กิจกรรมการละเล่นแบบไทยเพื่อพัฒนามโนทัศน์ด้านคณิตศาสตร์ทั้ง 5 วิเคราะห์โดยใช้สถิติ ความถี่และร้อยละ
   4.การวิเคราะห์หาความยากง่ายและอำนาจจำแนกของแบบทดสอบโดยใช้เทคนิคร้อยละ 50 และการหาค่าความเชือมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับแบบของคูเดอร์และริชาร์ดสัน การหาค่าเฉลี่ยสูตรเอ็กซ์บาร์ การหาส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเป็นการวัดการกระจายของข้อมูลและการหาค่าความแตกต่างของคะแนนเฉลี่ยเพื่อเปรียบเทียบคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้การทดสอบค่าที

บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล
        จากการวิจัยเรื่องการใช้กิจกรรมการละเล่นแบบไทยเพือพัฒนามโนทัศน์ด้านคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยเพื่อศึกษาถึงผลของการใช้กิจกรรมการละเล่นแบบไทยเพื่อพัฒนามโนทัศน์ด้านคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยอายุ 5-6 ปี จำนวน 24 คน ซึ่งผู้วิจัยได้วิเคราะห์ข้อมูลโดยการเปรียบเทียบข้อมูลโดยการเปรียบเทียบผลจากการทำแบบประเมินมโนทัศน์ด้านคณิตศาสตร์ก่อนและหลังเข้าร่วมกิจกรรมการละเล่นแบบไทยที่ผู้วิจัยได้จัดขึ้น จากนั้นนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ด้วยโปรแกรมสำเร็จรูป
         ผลการวิเคราะห์ข้อมูลแบ่งเป็น 2 ตอนดังนี้
         ตอนที่ 1 ข้อมูลทั่วไปของนักเรียน
         ตอนที่ 2 การเปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนเฉลี่ยด้านคณิตศาสตร์ก่อนและหลังเข้าร่วมกิจกรรมการละเล่นแบบไทย
โดยสรุปของตอนที่ 2 ว่าก่อนการเข้าร่วมกิจกรรมกับหลังการเข้าร่วมกิจกรรมมีคะแนนที่แตกต่างกัน แสดงให้เห็นว่าหลังการเข้าร่วมกิจกรรมนักเรียนมีมโนทัศน์ด้านการนับและจำนวน 1-30 ด้านตัวเลขจำนวนคู่และจำนวนคี่ ด้านการเปรียบเทียบจำนวนมากกว่า น้อยกว่า เท่ากัน ด้านองค์ประกอบการบวกจำนวน 10 ด้านการลบจำนวน 10 และด้านคณิตศาสตร์ทั้ง 5 ด้าน สูงกว่าก่อนการเข้าร่วมกิจกรรม

บทที่ 5 สรุป อภิปรายผลและข้อเสนอแนะ
สรุป
   การวิจัยเรื่องการใช้กิจกรรมการละเล่นแบบไทยเพื่อพัฒนามโนทัศน์ด้านคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยเป็นเชิงทดลองแบบมีกลุ่มเดียวมดสอบก่อนและหลังการทดลอง สมมุติฐานในการวิจัยคือ กิจกรรมการละเล่นแบบไทยเพื่อพัฒนามโนทัศน์ด้านคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยสูงขึ้น กลุ่มเป้าหมายคือเด็กปฐมวัย อายุ5-6 ปี ชั้นอนุบาลปีที่3 จำนวน24 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วย แผนการจัดกิจกรรมการละเล่นแบบไทยจำนวน 10 แผน และแบบทดสอบมโนทัศน์ด้านคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย กระทรวงศึกษาธิการ พุทธศักราช2546และแบบบันทึกการสังเกตพฤติกรรมของเด็กปฐมวัยชนิดไม่มีโครงสร้าง
   เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา คือแบบทดสอบมโนทัศน์ด้านคณิตศาสตร์ซึ่งผู้วิจัยนำมาจากแบบฝึกทักษะสนุกตัวเลขพื้นฐานเบื้องต้น เพื่อพัฒนาทักษะและประสบการณ์สำหรับเด็กอายุ 5-6ปี ของกระทรวงศึกษาธิการโดนสุรศักดิ์ อมรรัตน์ศักดิ์ (2540)ทำการรวบรวม 2 ครั้ง ครั้งที่ 1ก่อนการใช้กิจกรรมการละเล่นแบบไทย ครั้งที่2หลังการใช้กิจกรรมการละเล่นแบบไทย จากนั้นนำข้อมูลมาวิเคราะห์ เปรียบเทียบมโนทัศน์ด้านคณิตศาสตร์ก่อนและหลังการใช้กิจกรรมการละเล่นแบบไทยโดนหาค่าเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานด้วยตนเองและเปรียบเทียบกับการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ดังนี้
   1.แผนการจัดกิจกรรมการละเล่นแบบไทยเพื่อพัฒนามโนทัศน์ด้านคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยมีความสอดคล้องตามพัฒนาการของเด็กปฐมวัยของหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยกระทรวงศึกษาธิการ พุทธศักราช2546 จำนวน 10 แผน
   2.เด็กปฐมวัยมีมโนทัศน์ด้านคณิตศาสตร์การนับและจำนวน การรู้ตัวเลขจำนวนคู่และจำนวนคี่ การเปรียบเทียบจำนวนมากกว่าน้อยกว่าเท่ากัน องค์ประกอบการบวกจำนวน10 การลบจำนวน10ละด้านคณิตศาสตร์รวมทุกด้าน หลังการทดลองการใช้กิจกรรมการละเล่นแบบไทยเพิ่มขึ้นมากกว่าก่อนการทดลอง
อภิปรายผล
   การค้นคว้าแบบอิสระครั้งนี้เพื่อศึกษาการใช้กิจกรรมการละเล่นแบบไทยเพื่อพัฒนามโนทัศน์ด้านคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยจำนวน 10 แผน เป็นการทำการทดลองใช้กิจกรรมในช่วงเวลา 4 สัปดาห์  จำนวน 20ครั้ง เครื่อมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วยแผนการจัดกิจกรรมการละเล่นแบบไทยจำนวน10แผนและแบบทดสอบมโนทัสน์ด้านคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย กระทรวงศึกษาธิการ พุทธศักราช 2546 นำมาวิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานนำเสนอข้อมุลโดยใช้ตารางประกอบคำบรรยาย ผลการศึกษาพบว่าแผนการจัดกิจกรรมการละเล่นแบบไทยจำนวน10แผนสามารถทำให้เด็กปฐมวัยเกิดการเรียนรู้และพัฒนามโนทัศน์ด้านคณิตศาสตร์เพิ่มขึ้นกว่าก่อนการทดลอง ผลการวิจัยจึงสนับสนุนสมมุติฐานที่ตั้งไว้และสอดคล้องกับผลงานวิจัยเกี่ยวกับการใช้กิจกรรมการละเล่นแบบไทยเพื่อพัฒนาทักษะด้านต่างๆ อาทิปานศิริ รุ่งรัศมี(2553)ได้ทำการวิจัยเรื่อง การสร้างชุดการสอนเรื่องพัฒนาความพร้อมสำหรับเด็กก่อนวัยเรียนอายุ5-6ปี ซึ่งผลการวิจัยสรุปได้ว่านักเรียนมีคะแนนด้านคณิตศาสตร์สูงขึ้นมากกว่าก่อนการทดลอง ซึ่งผลการวิจัยที่มีความสอดคล้องกันแสดงให้เห็นว่าการนำกิจกรรมการละเล่นแบบไทยเป็นกิจกรรมหนึ่งที่สามารถช่วยพัฒนามโนทัศน์ด้านคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยให้สูงขึ้นได้และจากการบันทึกพฤติกรรมในการจัดกิจกรรมการละเล่นแบบไทย พบว่า เด็กได้รับการพัฒนาการด้านร่างกายเป็นอย่างดี รวมทั้งเด็กยังได้รับการพัฒนาในด้านอารมณ์ จิตใจและปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรมสังคมโดยผ่านกระบวนการเล่นปนเรียนจึงพบว่าการใช้กิจกรรมการละเล่นแบบไทยช่วยพัฒนามโนทัศน์ด้านคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยให้เพิ่มสูงขึ้นได้
ข้อเสนอแนะ
ข้อเสนอแนะทั่วไป
   โดยสรุปได้โดยสังเขปดังนี้ การเรียนรู้คณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยต้องให้สอดคล้องกับวัยและพัฒนาการของเด็ก ให้เด็กได้ลงมือปฏิบัติ การเรียนต้องไม่เครียด มีกิจกรรมที่หลากหลายใช้สถานการณ์ในปัจจุบันของเด็กเป็นพื้นฐานในการจัดกิจกรรมและที่สำคัยสำหรับการเชื่อมต่อการศึกษาระดับปฐมวัยกับระดับประถมศึกษาปีที่1มีความสำคัญ ครูผู้สอนควรต้องศึกษาหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานของชั้นประถมศึกษาปีที่1รวมทั้งการสร้างความเข้าใจกับผู้ปกครองและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง รวมทั้งการช่วยเหลือเด็กในการปรับตัวก่อนเลื่อนชั้นประถมศึกษาปีที่1
ข้อเสนอแนะเพื่อการวิจัยครั้งต่อไป
   ควรนำกิจกรรมการละเล่นแบบไทยไปจัดกิจกรรมให้กับเด็กที่อาศัยอยู่ในสถานสงเคราะห์กับเด็กที่อยู่ในสถานพินิจ รวมทั้งควรศึกษาแนวน้มการเลือกรูปแบบการเล่นของเด็กไทยระหว่างการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย กับการเล่นเกมคอมพิวเตรอ์ออนไลน์หรืออิทธิพลที่มีต่อการเลือกรุปแบบการเล่นของเด็กไทย


การนำไปประยุกต์ใช้
   การวิจัยเรื่องนี้มีประโยชน์ต่อการเรียนเป็นอย่างมาก สามารถประยุกต์ใช้ได้ในหลายกิจกรรมประจำวันของเด็กนั่นก็คือ กิจกรรมกลางแจ้งซึ่งรูปแบบการละเล่นของไทยเป็นรูปแบบกิจกรรมหนึ่งซึ่งสอดแทรกการเรียนรู้คณิตศาสตร์เบื้องต้นของเด็กและยังเป็นแนวทางในการศึกษาการวิจัยในการเรียนการสอนในระดับที่สูงขึ้นไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น